[REVIEW] Metro Exodus: โหดสัสรัสเซียกับทริปรถด่วนขบวนระทึก!

ชื่อซีรี่ส์เกม Metro ถือว่าโด่งดังพอสมควรในหมู่แฟน FPS สายซาดิสก์ที่ชอบเสพย์เกมแนว Survival Horror แบบมืดหม่น ๆ เล่นยาก ๆ ให้ร้อง “อาห์” ออกมาเพราะความสะใจที่ตัวเองถูกทำร้าย อย่างไรก็ตาม เมื่อ Metro ล่วงเลยมาถึงภาคที่สาม มันกลับวางเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการพาแฟน ๆ ออกจากอุโมงค์อุดอู้ สู่โลกกว้างแห่งประเทศแม่รัสเซียในม้าเหล็กพลังไอน้ำ การผจญภัยที่ยิ่งใหญ่อลังการขึ้นจะส่งผลกระทบกับความมืดหม่นสิ้นหวังอันเป็นสเน่ห์ของซีรี่ส์หรือไม่? ความสยองพองเกล้าในความมืดนั้นสูญหายไปหมดแล้วรึเปล่า? ซึ่งขอตอบสั้น ๆ ตรงนี้เลยว่า “ไม่” ครับผม แถม Exodus ยังเต็มไปด้วยของใหม่ ๆ ที่มายกระดับเกม Metro ให้เด็ดขึ้นไปอีกขั้น ว่าแล้วก็นั่งรถไฟไปดูด้วยตาคุณเองเลยดีกว่า

เสียง… รถด่วนขบวนสุดท้าย
เรื่องราวใน Metro Exodus เกิดขึ้นหลังจากตอนจบภาค Last Light ประมาณหนึ่งปี ซึ่งตั้งแต่ช่วงต้นเกม “Artyom” พระเอกของเราพร้อมภรรยาและพรรคพวก Ranger ดันจับพลัดจับผลูไปพบกับเหตุการณ์ตกกระไดพลอยโจร จนต้องชิ่งขึ้นรถไฟเพื่อเผ่นออกจากแดน Metro ในมอสโคว ออกเผชิญหน้ากับเรื่องราวการผจญภัยบทใหม่ที่กินเวลาเกือบ 20 ชั่วโมงในภาคนี้

โดยรวมแล้วเนื้อเรื่องของ Exodus ยังน่าสนใจไม่แพ้ภาคก่อน ๆ สาเหตุหนึ่งก็เป็นเพราะมันเปลี่ยนอารมณ์จากเรื่องราวการเอาชีวิตรอดในแดนใต้ดินแคบ ๆ มาเป็นการออกผจญภัยตามหาความหวังครั้งใหม่ในชีวิต ทำให้ผู้เล่นได้พบกับผู้คนใหม่ ๆ มากหน้าหลายตาทั้งที่เป็นมิตรและศัตรู ถึงแม้เส้นเรื่องจะค่อนข้างตรงไปตรงมา (ก็มันอยู่บนรางรถไฟนี่นา) และจุดหักมุมหลาย ๆ จุดก็คาดเดาได้ไม่ยาก แต่รูปแบบการเล่าเรื่องที่พาผู้เล่นมุ่งหน้าสู่ดินแดนใหม่เรื่อย ๆ ก็ทำให้เกมเมอร์อยากเล่นต่อไปไม่หยุดจนตาเป็นนกฮูก (ผมนี่แหละ) เพียงเพราะอยากรู้ว่าหนทางข้างหน้าจะมีอะไรให้ดูอีกหนอ

พระเอกพระนางตัวจริงของเนื้อเรื่องใน Exodus คือพลพรรคบนม้าเหล็กคันนี้ต่างหาก แต่ละคนต่างก็มีบุคลิกประจำตัวที่น่าจดจำและยังมีสเน่ห์ไม่ซ้ำใคร Anna คือสาวแกร่งที่คอยอยู่เคียงข้างพระเอกเสมอ Miller คือผู้นำหน่วย Ranger ที่แม้จะแข็งกระด้างแต่ก็รู้ผิดชอบชั่วดี Stepan คือยักษ์ใหญ่ใจดีดูแข็งนอกแต่นุ่มใน Sam คือ Ranger สายเลือดมะกันที่เป็นทั้งทหารชั้นเยี่ยมและกุ๊กให้กับทีม Idiot ชอบอ่านหนังสือปรัชญาขัดกับฉายาของตัวเอง

แล้วยังมีมิตรและศัตรูหน้าใหม่ที่พานพบระหว่างทางอีกตรึม แต่ละคนก็มีบุคลิกของตัวเอง ที่สำคัญคือบทสนทนาที่พวกเขาคุยกันเองหรือคุยกับผู้เล่นต่างได้รับการรังสรรค์มาเป็นอย่างดี ดีจนบางทีอดสงสัยไม่ได้ว่านี่มันบทสนทนาในเกม RPG หรือเกม FPS กันแน่เนี่ย (เอาจริง ๆ ผมว่าดีกว่าในเกม RPG หลาย ๆ เกมอีกนะ) ยิ่งเล่นคุณก็จะยิ่งอยากเดินเอ้อระเหยไปฟังพวกเขาพูดอะไรไปเรื่อยด้วยความอยากรู้อยากเห็น นานไปคุณก็จะผูกพันกับก๊วนครอบครัวหัวรถจักรกลุ่มนี้ ได้รู้จักกับโลกอันโหดร้ายแห่งนี้ดีกว่าเดิมจากเรื่องเล่าของพวกเขา และที่สำคัญมันยังช่วยให้คุณยิ่งอินกับเกมมากขึ้นเพราะคุณจะอยากต่อสู้เพื่อพวกเขาจริง ๆ